อาคารเสาสนะภายในวัด

อุโบสถหรือโบสถ์หลังแรก

สร้างในสมัยท่านครูบาอุปนันท์เป็นเจ้าอาวาส ไม่ทราบพ.ศ. ได้บูรณปฏิสังขรณ์ ในปีพ.ศ.2473 ในสมัยครูบาฟู ญาณวิชโย เป็นเจ้าอาวาส ต่อมาโบสถ์ได้ชำรุดจึงต้องรื้อและสร้างใหม่ในปี พ.ศ.2505 ในสมัยท่านเจ้าคุณพระญาณมงคล เป็นเจ้าอาวาส

วิหาร

สร้างในสมัยครูปาอุปนันท์ เป้นเจ้าอาวาส ไม่ทราบพ.ศ.และได้บูรณอีกหลายครั้ง จนพระครูพิศาลธรรมนิเทศก์(เจริญ โชติธโร) ได้รื้อและสร้างใหม่ในปี พ.ศ.2537 มีขนาดกว้าง 25 ศอก 58 วา ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปีแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2541

วิหาร

สร้างในสมัยครูปาอุปนันท์ เป้นเจ้าอาวาส ไม่ทราบพ.ศ.และได้บูรณอีกหลายครั้ง จนพระครูพิศาลธรรมนิเทศก์(เจริญ โชติธโร) ได้รื้อและสร้างใหม่ในปี พ.ศ.2537 มีขนาดกว้าง 25 ศอก 58 วา ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปีแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2541

หอไตร หรือหอธรรม

สร้างในปีพ.ศ.2473 โดยเจ้าหญิงแก้ว ณ ลำพูน สร้างอุทิศให้เจ้าบุรีรัตน์และเจ้าสุนา ณ ลำพูน สมัยท่านเจ้าคุณพระญาณมงคลเป็นเจ้าอาวาส และได้บูรณอีกหลายครั้ง

หอระฆัง

สร้างเมื่อ พ.ศ.2508 ในสมัยเจ้าคุณญาณมงคล เป็นเจ้าอาวาส

หอระฆัง

สร้างเมื่อ พ.ศ.2508 ในสมัยเจ้าคุณญาณมงคล เป็นเจ้าอาวาส

วิหารพระรอด

สร้างในปีพ.ศ.2535 ในสมัยท่าพระครูพิศาลธรรมนิเทศ์ เป็นเจ้าอาวาส

ศาลาการเปรียญ

สร้างในปี พ.ศ.2535 ในสมันท่านพระครูพิศาลธรรมนิเทศก์

กุฏิสงฆ์

มีหลายหลัง ที่เก่าแก่ที่สุดคือ “ตึกแขกแก้ว” สร้างโดยเจ้าหญิงแขกแก้ว ณ ลำพูน เพื่อเป็นที่พำนักของท่าเจ้าคุณพระญาณมงคล

นอกจากนี้มีเสนสนะ อื่น ๆ อีกเช่น มณฑปประดิษฐานรูปเหมือนเท่าเจ้าคุณพระญาณมงคล ศาลาศักดิ์ทอง ศาลา S.M.E ศาลาเอนกประสงค์ หอกลาง กำแพงวัด ศาลาทรงไทย อาคารสำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมือง เป็นต้น